ส่วนนักวิเคราะห์หุ้น หรือ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ จะมีหน้าที่คล้ายๆ กับเซียนบอล การทำงานของพวกเขา ก็จะอาศัยการดูทางเทคนิคคัล และปัจจัยพื้นฐานประกอบ เพื่อดูว่า หุ้นตัวไหน น่าสนใจ และราคากำลังจะพุ่ง จากนั้นจะออกบทวิเคราะห์ เชียร์หุ้น และตั้งราคาเป้าเท่านั้น เท่านี้ และออกบทวิเคราะห์เพื่อให้ข้อมูลกับนักลงทุน ในทุกเช้าวันทำงาน การมีนักวิเคราะห์หุ้น ในตลาด เป็นการให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือกับนักลงทุน ทั้งให้ข้อมูลเพื่อกันตัดสินใจลงทุน และข้อมูลที่มีที่มาที่ไป ซึ่งถ้าหากไม่มีพวกเขาแล้ว ตลาดหุ้น คงจะปั่นป่วน ด้วยข่าวลือ แบบที่เรียกว่า “เขาว่ามันจะขึ้น เขาว่ามันจะลง”
แต่อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หุ้น ก็มีความน่าเชื่อถือมากกว่า นักวิเคราะห์บอล เพราะก่อนที่ก้าวเข้าทำงานนี้ได้ต้องผ่าน การสอบ CFA หรือ CISA เป็นหลักสูตรทางการเงิน ถ้าผ่านจนครบ level 3 ก็จะมีชื่อ นักวิเคราะห์ ต่อท้าย แต่กับ ทางด้าน นักวิเคราะห์บอลในเมืองไทย ผมคิดว่าส่วนใหญ่คงไม่มีไลเซ่นส์ อาศัยประสบการณ์ความรู้จากการคลุกคลีในวงการฟุตบอล บ้างก็เป็นนักฟุตบอลรุ่นลายคราม หรือโค้ชทีมต่างๆ บางก็เป็นนักข่าวที่ติดตามข่าวฟุตบอลมาตลอด อยู่ในวงการข่าวสารฟุตบอล จนผันตัวมาเป็นนักวิเคราะห์ตามหน้าหนังสือพิมพ์
ยิ่งเดียวนี้ มีเว็บกีฬาก่อตั้งขึ้นมาหลายเว็บ ได้รับความนิยมจากคนที่ชื่นชอบฟุตบอลเป็นจำนวนมาก ก็จะมีเซียนบอลเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าน่าเชื่อถือแค่ไหนครับ แทงตามทรรศนะที่เขาให้ ตามทีเด็ดที่เปิดมาแต่ละวันก็ไม่รู้ว่าจะถูกหรือเปล่า ลองผิดลองถูกกว่าจะเจอเซียนตัวจริงคงเสียเวลาไม่น้อยทีเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้เราควรทำอย่างไร?
ในความเห็นของผม คิดว่า ไม่ว่าจะเป็น นักวิเคราะห์บอล หรือ นักวิเคราะห์หุ้น ก็ตามเราควรอ่านงานวิเคราะห์ที่เขานำมาเสนอเสียก่อนครับ แล้วค่อยตัดสินดูว่า มีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน แต่ก็อย่างปักใจเชื่อไปเสียทีเดียว เพราะไม่ว่าเขาจะมีความรู้ มีไลเซ่นส์ มีประสบการณ์มากมายขนาดไหน โอกาสที่จะทำนายพลาดก็มีเยอะครับ และก็เห็นกันเป็นประจำ บอกราคาเป้าหมายเท่านั้น เท่านี้ แต่สุดท้าย ราคากลับดิ่งลงเหวก็มีบ่อย ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคือ ฟังหูไว้หูครับ เชื่อครึ่งที่เหลือก็ เป็นหน้าที่เราเอาข้อมูลมากลั่นกรองตัดสินใจเอง น่าจะดีกว่าครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น